วันพฤหัสบดีที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2554

Roller Blade

โรลเลอร์เบลด (Rollerblade)
             หมายถึง รองเท้าสเกตชนิดมีล้อเรียงเป็นแถวเดียว เป็นชื่อเครื่องหมายการค้า ซึ่งเอ็ดเวิร์ด เรลลี ที่สาม (Edward Reilly III) และโมนิกา ลอมบาร์ดี (Monica Lombardi) ได้     จดทะเบียนการค้าในเดือนมีนาคม ปี ค.ศ. 1983 เดิม rollerblade เรียกว่า in-line skate ในปี ค.ศ. 1979 สองพี่น้องสกอตต์ (Scott) และเบรนนัน โอลเสน (Brennan Olsen) ได้พบรองเท้าโรลเลอร์เบลดแบบโบราณในร้านขายเครื่องกีฬา ทั้งสองจึงทดลองนำล้อและเบรกเท้ายางมาติดกับรองเท้าฮอกกี้น้ำแข็ง จนได้พัฒนาเป็นรองเท้าโรลเลอร์เบลดที่นิยมเล่นกันในปัจจุบัน และคำว่า rollerblade ได้กลายเป็นคำที่ใช้กันทั่วไปของรองเท้าสเกตเช่นนี้




Rollerblade หลายๆคนคงจะคุ้นกับเจ้านี่เป็นอย่างดีเลยแต่หาที่เล่นไม่ได้ หรือหาเพื่อนไม่ได้อีก จริงมั้ยๆ !!~ เอาหละๆเข้าประเด็นก่อน ก็ . . . วันนี้จะมาแนะนำเรื่องรองเท้าชนิดต่างๆของ Rollerblade แล้วก็ วิธีเล่นต่างๆที่แตกต่างกันไปนะค้าบบบ ~


Speed -- เน้นวิ่งเร็วอย่างเดียว ล้อมีลักษณะใหญ่กว่าสเก็ตประเภทอื่นๆ ขนาดล้อประมาณ 100mm เหมาะสำหรับคนชอบความเร็ว ตัวรองเท้าไม่มีรัดข้อเท้า บางรุ่นอาจมี 4 หรือ 5 ล้อ แล้วแต่ design ตามรูป


Fitness -- เน้นออกกำลังกายแบบสบายๆ วิ่งไปเรื่อยๆ ขนาดล้อประมาณ 80mm กำลังดี รองเท้า soft boot ออกแบบมาแบบสบายๆ ตัวรองเท้าแตกต่างจากสเก็ตประเภทอื่นตรงที่มีความนิ่มและยืดหยุ่น






Aggressive -- เน้นแนว extreme กระโดดโลดโผน อุปกรณ์ประกอบ คือ ramp รูปแบบต่างๆ ล้อขนาดเล็ก เอาไว้สำหรับเกาะ ramp, ราวเหล็กต่างๆ ตัวรองเท้าออกแบบมาเพื่อรับแรงกระแทกได้เป็นอย่างดี เนื่องจากต้อง jump บ่อย


 

ใครสามารถเล่นได้บ้าง


สเก็ต จริงๆ แล้วก็เป็นหนึ่งในกีฬาพื้นฐานอย่าง จักรยาน เทควันโด เมื่อรู้จักวิธีการเล่น วิธีการทรงตัว วิธิการลงน้ำหนักแต่ละส่วนของร่างกาย ก็สบายๆ หากเปรียบเทียบกับการหัดขี่จักรยาน เมื่อหัดใหม่ๆ ก็มีล้มบ้าง เมื่อทรงตัวไม่ถูก หรือวางน้ำหนักไม่สมดุล เมื่อรู้จักสมดุลของการขี่จักรยานแล้ว ก็สามารถใช้ได้อย่างปลอดภัย สเก็ตก็เช่นเดียวกัน ช่วงอายุ วัย เพศ นั้นไม่จำกัดเฉพาะเจาะจงกับกลุ่มผู้เล่นแค่กลุ่มย่อยๆ อย่างเช่นวัยรุ่นแต่เพียงอย่างเดียว เพราะกีฬาสามารถเล่นได้ทุกเพศ ทุกวัย และมีประโยชน์กับสุขภาพร่างกาย น้องๆ อายุตั้งแต่ประมาณ 4 ขวบ ก็สามารถเริ่มเล่นได้แล้ว เอาเป็นว่าพูดจากันรู้เรื่อง ตั้งใจเล่น ไม่นานก็เล่นเป็นไปจนถึงขั้นเก่งมากเลยทีเดียว ไล่ไปจนถึงวัยรุ่น ผู้ใหญ่ ไปจนถึงผู้สูงอายุ ก็สามารถเล่นได้ ยกตัวอย่างเช่น ในชมรมฟรอสวีลเราปัจจุบัน มีตั้งแต่น้องๆ อายุ 4 ขวบไปจนถึงผู้ใหญ่ ไม่ว่าจะหญิงหรือชาย ก็ดูดี และสุขภาพดีกัน รวมไปถึงผู้สูงอายุประมาณ 50 กว่าๆ 60 และ 70 ปี






อายุเท่าไหร่ถึงจะเล่นได้ นน.เท่าไหร่?


ถ้าเป็นเด็กๆนั้น แนะนำให้เริ่มฝึกราวๆ อายุ 5 ขวบ แต่ถ้าหากเด็กอายุน้อยกว่านั้นก็ขึ้นอยู่กับพัฒนาการและทักษะการเรียนรู้ของเด็กๆ แต่ละคน ถ้าเด็กสามารถเข้าใจคำสั่งและเรียนรู้ได้ ก็สามารถหัดเล่นได้ ส่วนผู้ใหญ่ อายุประมาณ 60 ก็ยังจะพอสามารถเล่นได้ แต่ต้องใช้ความระมัดระวังมากกว่าเด็ก ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับร่างกายของแต่ละบุคคลด้วย
น้ำหนักของร่างกายนั้น รองเท้าสเก็ตสามารถรองรับได้มากกว่า 100 กก. ถ้าผู้ฝึก ฝึกอย่างถูกวิธีตามคำแนะนำแล้ว
จะสามารถใช้เป็นอุปกรณ์ในการลดน้ำหนักได้อย่างดีมาก เพราะการเล่นสเก็ตมีความสนุกสนานซ่อนอยู่
โดยผู้เล่นสามารถที่จะเล่นได้นาน 2-3 ชม. เลยทีเดียว นั่นหมายความว่าจะเป็นการช่วยเพิ่มระยะเวลาในการ
ออกกำลังกายให้นานขึ้นด้วยความสนุกสนาน ทำให้ลืมความน่าเบื่อของการลดน้ำหนักไปเลยทีเดียว


การออกกำลังกายสำหรับคนวัยกลางคนขึ้นไปซึ่งมักจะมีปัญหาด้านหัวเข่านั้น

การเล่นสเก็ตเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยสำหรับหัวเข่า เพราะว่าการสเก็ตนั้นจะเป็นการถ่ายเทน้ำหนัก
ของร่างกายออกไปในแนวราบ ต่างจากการวิ่ง ที่เป็นการทิ้งน้ำหนักตัวลงบนขา จนทำให้แรงทั้งหมด
ถูกตีกลับขึ้นมาที่หัวเข่า จึงเป็นอาการที่คนวัยกลางคนทั่วๆ ไปประสบปัญหาหลังจากวิ่งไปนานๆ








ใช้เวลานานเท่าไหร่กว่าจะวิ่งได้คล่อง?


การฝึกเล่นสเก็ตนั้นก็คล้ายๆกับการฝึกทักษะกีฬาประเภทอื่นๆ คือต้องใช้ความมุมานะ ความเพียรพยายาม และความอดทนในการฝึกฝน แต่จะแตกต่างจากกีฬาประเภทอื่นๆ ก็คือ สเก็ตนั้นจะเป็นกีฬาที่ต้องอาศัยการควบคุมร่างกายที่ดี ซึ่งโดยปกติคนเราจะไม่ได้ใส่ใจกับท่าทางของร่างกายมากมายในชีวิตประจำวัน ดังนั้นการเล่นสเก็ตอาจจะค่อนข้างยากกว่ากีฬาประเถทอื่นๆ แต่อย่างไรก็ตาม “ทุกๆอย่างสามารถเป็นไปได้ถ้าหากเราไม่ท้อ แลพยายามฝึกต่อไป” ซึ่งเป็นเร็วเป็นช้านั้นส่วนหนึ่งก็ต้องยอมรับว่าพรสวรรค์ก็พอมีส่วนบ้าง

เด็กที่มีความตั้งใจในการฝึก นั้นจะสามารถฝึกและเล่นได้ภายในเวลาไม่เกิน 1 อาทิตย์ โดยจะสามารถ 
- ควบคุมการเล่นสเก็ตไปด้านหน้า
- การชะลอความเร็ว
- การหยุด
- การล้มอย่างปลอดภัย
- การเลี้ยวไปมา






ถ้าอยากเล่นสเก็ตต้องทำอย่างไร?




การเล่นสเก็ตนั้นไม่ยากอย่างที่หลายๆ คนกลัว ซึ่งสามารถเปรียบเทียบได้กับการหัดขี่จักรยานที่เราต้องฝึกความสมดุลของร่างกาย และใช้เวลาในการพัฒนากล้ามเนื้อให้สามารถ ยึดและเกร็งกล้ามเนื้อเพื่อควบคุมรองเท้าสเก็ตให้ได้ กีฬาทุกอย่างหากต้องการจะเริ่มเล่นนั้น ควรที่จะศึกษาก่อนว่า
- กีฬาประเภทนั้น มีความเป็นมาอย่างไร 
- เล่นกันอย่างไร 
- มีกฎกิติกามารยาทในการเล่นอย่างไรบ้าง 
เพราะว่าเราจำเป็นต้องเข้าถึงกีฬาประเภทนั้นเสียก่อน ก่อนทีกีฬาจะสามารถตอบสนองความต้องการของเราได้ กล่าวให้เข้าใจกันง่ายๆก็คือ เพื่อความสนุกสนานและความเพลิดเพลินในการเล่นกีฬา เราจำเป็นต้องรู้จักกีฬาประเภทนั้นค่อนข้างดีเสียก่อน จะค่อยเริ่มหัดเล่น และเมื่อเล่นแล้ว ไม่ควรจะหยุดเพียงแค่เล่นได้ แต่ควรเล่นกีฬาประเภทนั้นให้เป็น


ความแตกต่างระหว่างสองอย่างนี้ก็คือ เล่นได้หมายถึง พอจะมีทักษะนิดหน่อย แล้วก็เล่นกับคนอื่นได้บ้าง เช่นการเตะบอล แค่เราเหวี่ยงเท้าไปโดนลูกฟุตบอลก็เรียกว่าเตะบอลแล้ว 

แต่เล่นเป็นนั้นจะแตกต่างออกไปโดยที่เราจะค่อนข้างมีความรู้แตกฉานในกีฬานั้นขึ้นอีกหน่อย เช่น การเตะบอล สามารถเตะลูกโด่ง ลูกแปร ลูกเลียด หรือมีทักษะ การเลี้ยงบอลที่ดี เข้าใจกิติกา การเล่นอย่างถ่องแท้ 



ประโยชน์ทีได้รับต่อเนื่องจากการเล่นกีฬาให้เป็นคือ เราสามารถหลีกเลี่ยง เหตุการณ์ที่จะเกิดอันตรายกับตัวเองและผู้อื่นเสียก่อน ให้ดีได้ เพราะเราจะรู้ว่าการเล่นกีฬาประเภทนั้นที่ดีควรจะปฎิบัติอย่างไรบ้าง ดังนั้นเรื่องเกี่ยวกับสเก็ตก็เช่นเดียวกัน ผู้ที่มีความสนใจจะหัดเล่นจำเป็นต้องศึกษาเกี่ยวกับกีฬาประเภทนี้ให้ดีเสียก่อน เพราะ อุยัติเหตุจากการเล่นสเกตนั้นค่อนข้างจะรุนแรงกว่ากีฬาอื่นๆ ฉะนั้นเพื่อหลีกเลี่ยง เราจำเป็นต้องมีความเข้าใจในกีฬาสเก็ตอยู่พอสมควร



แนวทางที่ควรจะเริ่มศึกษาก็คือ



- ประเภทการเล่นสเก็ต 

- ประเภทของรองเท้า
- Basic skating








อันตรายกับการเล่นสเก็ต

หากจะพูดกันอย่างยุติธรรมแล้ว คงต้องบอกว่า อุบัติเหตุ นั้นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ไม่เลือกสถานที่และสถานการณ์ และไม่เลือกว่าคุณจะเล่นสเก็ตหรือไม่ ต่อให้เดินปกติก็ยังเดินสะดุดล้มได้ ดังนั้นเมื่อไหร่ที่คุณเล่นสเก็ต ก็ต้องเล่นด้วยความระมัดระวัง รวมทั้งใช้อุปกรณ์ป้องกันที่เหมาะสม เนื่องจากเมื่อเริ่มเล่นกล้ามเนื้อของเราจะยังไม่สามารถควบคุมการไหลของสเก็ตได้ ดังนันจึงไม่ควรประมาท และฟังคำเตือนของผู้ฝึกสอนหรือเพื่อนๆด้วย ก็จะช่วยเลี่ยงอุบัติเหตุได้ครับเช่น 

- เล่นกันด้วยความประมาท ทำให้เพื่อนหกล้มแขนหัก
- พยายามจะฝึกท่ายากๆ แต่ไม่ใส่เครื่องป้องกัน
- ไม่เชื่อฟังผู้ฝึกสอนเพราะต้องการจะเล่นเป็นเร็วๆ
- เลี้ยวอย่างฉับพลันทำให้คนที่วิ่งตามมาด้านหลังชนเพราะหลบไม่ทัน



การเล่นสเก็ตก็เหมือนกับการหัดขับจักรยาน ถ้าเราตั้งใจก็จะสามารถควบคุมจักรยานให้วิ่งตรงไป
หรือเลี้ยวไปในทิศทางที่เราบังคับได้อย่างคล่องแคล่ว
แต่ถ้าเราประมาท ผลก็คือจักรยานล้ม เกิดแผลถลอก หรืออาจจะแขนหักได้เลยทีเดียว







คู่มือการเล่น



















การฝึกเล่น slalom


ในการเริ่มเล่นสเก็ตประเภท Freestyle Slalom นั้น สิ่งแรกที่เราควรจะทำความเข้าใจคือประเภทของรองเท้ารองเท้าสเก็ตแบ่งออกเป็นประเภทต่างๆ ดังนี้คือ
• Speed
• Hockey
• Figure
• Fitness
• Aggressive
ซึ่งเป็นการแบ่งประเภทของรองเท้าไปตามลักษณะการใช้งาน รูปทรงและการออกแบบ รองเท้าสเก็ตประเภท Freestyle Slalom จะเป็นรองเท้ารูปแบบพิเศษ ที่ดึงเอาข้อดีของแต่ละประเภทมารวมกัน สาเหตุหลักก็คือรองเท้าถูกออกแบบมาเพื่อทำอะไรก็ได้มีความเป็นอิสระสูง ซึ่งจะตรงไปตามคำว่า “freestyle” คุณลักษณะที่สำคัญไม่แพ้กันคือ สามารถควบคุมรองเท้าได้ดีเพื่อที่จะสามารถควบคุมรองเท้าเพื่อวิ่งผ่านโคนไปได้

ยี่ห้อที่ทั่วโลกนิยมใช้กันคือรองเท้ายี่ห้อ Seba ซึ่งถูกพัฒนาโดยนักสเก็ตสลาลมชาวฝรั่งเศส ชื่อ Sebastian Laffague
อีกยี่ห้อนึงที่ทำรองเท้าสลาลมออกมาขายด้วยนั่นก็คือ Powerslide ส่วนยี่ห้ออื่นนอกเหนือจากนี้ เช่น K2, Roller Blade ก็มีออกมาบ้างนิดหน่อยแต่ไม่เป็นที่นิยมมากนัก

เมื่อเราสามารถเลือกซื้อรองเท้ามาแล้ว ขั้นตอนต่อไปไม่ใช่การใส่รองเท้าแล้ววิ่งเข้าโคนในทันทีทันใด แต่เราต้องมาหัดเล่นสเก็ตขั้นพื้นฐานต่างๆ ก่อน เช่น การลุก การนั่ง การเล่นไปข้างหน้า การถอยหลัง การเลี้ยวซ้าย-ขวา ทั้งนี้เพราะว่า freestyle slalom นั้นจำเป็นต้องอาศัยพื้นฐานการเล่นสเก็ตที่ “ดีมาก” มิเช่นนั้นจะไม่สามารถควบคุมท่าทางต่างๆ ได้เลย
อีกสาเหตุนึงที่เราจำเป็นต้องมาหัดไถสเก็ตธรรมดาๆ ก่อน ก็คือเราจำเป็นต้องทำความคุ้นเคยกับรองเท้า เพราะรองเท้าประเภทนี้จะค่อนข้างจะควบคุมยากสักนิดในตอนแรกๆ ถึงขนาดบางคนที่หัดเล่นใหม่ออกปากได้เลยว่า “หลอน”

ในการฝึกสลาลมท่าพื้นฐานต่างๆ สามารถหัดเองได้โดยไม่อยาก เช่น fish, snake, cross, nelson, one foot ซึ่งสามารถดูวิดิโอใน youtube ก็สามารถทำได้ ดังนั้นท่าพื้นฐานต่างๆ เมื่อเราสามรถฝึกได้แล้ว เราควรจะกลับมาฝึกใหม่อีกครั้งนึงในด้านที่ไม่ถนัด เพราะว่าในอนาคต เราจะเป็นต้องสามารถใช้ขาทั้งสองข้างได้เท่าๆ กัน ไม่สามารถพูดได้ว่า ถนัดแต่ด้านซ้าย หรือ ถนัดแต่ด้านขวา ซึ่งสำหรับท่าพื้นฐานนักเล่นสลาลมเกือบทุกคนสามารถเล่นได้ทั้งสองข้าง

สุดท้ายนี้ จะขอฝากไว้อย่างนึงว่า การเริ่มหัดเล่นสลาลมนั้นจำเป็นต้องอาศัยความอดทนและความพยายามมากๆ เพราะเป็นกีฬาที่มีความยากในตัวพอสมควร แต่ถ้าหากว่าเราเป็นคนที่ชอบความท้าทาย ชอบความแปลกใหม่และชอบความเป็นอิสระ กีฬาชนิดนี้จะไม่ทำให้ท่านผิดหวังครับ



ไซด์รองเท้าPDFพิมพ์อีเมล
เขียนโดย sueb   
วันเสาร์ที่ 10 มกราคม 2009 เวลา 06:15

ขนาดของรองเท้าสเก็ตที่ใช้วัดกันทั่วไป แต่... ถ้าให้ดี มาลองด้วยตัวเองจะแม่นยำกว่า
เพราะว่า ขนาดของแต่ละโรงงาน ก็ไม่เท่ากันอีก ปัญหาเรื่องไซด์รองเท้าสเก็ตถือว่า
เป็นปัญหาค่อนข้างมาก แต่สำหรับผู้เริ่มต้น เราสามารถใช้รองเท้าประเภทที่ปรับไซด์ได้
จะปลอดภัยกว่า เพราะสามารถเลื่อนไซด์ได้ด้วยตัวเอง เรื่องแรกเกี่ยวกับมาตรวัด ที่มันทำให้เราสับสน
" A: เราไซส์ 10 นายใส่เบอร์ไรอ่ะ?
B: 44 อ่ะ...
A: เฮ่ย ไอ้ตีนโต!!"

ไม่ใช่นะครับ มันเป็นเพราะรองเท้าของแต่ละประเทศก็จะใช้ไม่เท่ากัน < คงทราบกันดีแล้ว
เลยเอาตารางเทียบมาแปะไว้ครับ

USA
 Reduced: 80% of original size [ 800 x 114 ] - Click to view full image

GBR
 Reduced: 80% of original size [ 800 x 48 ] - Click to view full image

AUS
 Reduced: 80% of original size [ 792 x 50 ] - Click to view full image


สามตัวนี้จะเป็นตัวที่นิยมมากนะครับ ถ้าสนใจของชาติอื่นก็ไปตามลิ้งจากwikipedia>shoes size นะครับ 
จะมีตารางเทียบส่วนของที่คนไทยนิยมคือตามยุโรปครับ(ไม่ใช่อังกฤษนะ) จาก 7 จะเป็น 39
 แล้วเพิ่มครึ่งเบอร์ทุกๆไซส์ของยุโรปครับ(เทียบกับอเมริกา) 39,7 40,7 1/2 41,8 แล้วหลังๆต้องเทียบตารางครับ





อันนี้ก็คือ วีดีโอที่เกี่ยวข้องกับ rollerblade















วีดีโอการฝึกเล่น



Stride1




Stride2




Stride3




scooter



toe roll



1-Foot Balance



A-Frame turn



Parallel Turn



Scooter Turn



Backward Crossover



Mohawk Turn



Lunge Turn



Spin Stop



T Stop



Backward Stopping



Lunge Stop



Backward Swizzle



Backward Skating



Backward Powerslide



2-Foot Transition



ทั้งหมดที่ได้นำมาเป็นพื้นฐานการเล่น ถ้าอยากจะเล่นเก่งๆ จะต้องฝึกซ้อมกันนะครับ